วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2552

การเปลี่ยนแปลง

เฮ้อ....ว่าแล้วก็มาระบายกับบล็อกดีกว่า

ช่วงนี้ชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงเยอะเหลือเกิน แต่จะ "ดีขึ้น" หรือ "แย่ลง"
ตอนนี้ก็ยังนึกภาพไม่ออกเลย...แต่ความรู้สึกมันวังเวงพิกล

หลังจากที่ย้ายเข้าบ้านใหม่ ใช้ชีวิตใหม่ๆ(ที่มีป้าม่วง)เพียงแค่ไม่กี่วัน
ก็ได้เริ่มเห็นการเปลี่ยแปลงที่เกิดขึ้น จะดีหรือเปล่า ก็ยังพูดได้ไม่เต็มปาก
ในช่วงแรกๆ ค่อนข้างขลุกขลักมากทีเดียว
ไม่ว่าจะเป็นคืนก่อนย้าย วันที่ย้าย หรือจนกระทั่งวันแรกที่ย้ายเสร็จ
ก็ต้องแลกมาด้วยน้ำตา เพราะด้วยความไม่เข้าใจกันในหลายๆอย่าง

ทำไมเรื่องที่เหมือนง่าย มันช่างยากสำหรับกู
และทำไมเรื่องที่เหมือนยาก กูถึงทำได้ง่ายๆ
ไม่เข้าใจว่ะ....

การที่จะใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวคงเป็นเรื่องที่ง่ายสำหรับใครหลายคน
แต่สำหรับกูแล้ว...ทำไมมันถึงยากจังวะ
การที่จะอยู่กับครอบครัวให้มีความสุข ดูเหมือนเป็นเรื่องที่กูจะห่างหายไปนาน
จนอาจจะต้องใช้เวลารื้อฟื้นกันนานสักหน่อย

กลัวแค่ว่า...จนกว่าวันที่จะได้เข้าใจกัน มันคงจะเสียความรู้สึกไปไม่น้อยทีเดียว
แต่ยังไงกูก็ได้ตัดสินใจเลือกแล้ว เพราะฉะนั้นกูจะต้องทำมันให้ดีที่สุด
ไม่ว่าจะกับมาม๊า กอก๊อ หรือเจเจ๊...
มันถึงเวลาแล้วล่ะมั้งที่กูคงต้องคิดเรื่องของครอบครัวตัวเองมาก่อนคนอื่น
กูจะกลายเป็นยังไงบ้างนะ...กับตัวเองในความคิดแบบใหม่

นอกจากการเปลี่ยนแปลงเรื่องที่อยู่แล้ว
กูก็ยังดันกระแดะหาเรื่องมาเปลี่ยนให้กับตัวเองเพิ่ม
ทั้งๆที่ตัวเองเกลียด “การเปลี่ยนแปลง”ที่สุด

หลังจากที่เปลี่ยนบ้าน กูก็เปลี่ยนมือถือพร้อมเบอร์เสร็จสรรพ
เหมือนจะต้อนรับสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต
แต่กลับกลายเป็นว่า...มีความรู้สึกเหงาๆเข้ามาแทน
ทำไมถึงเหงานะ...ตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเลย

แต่ถ้าให้เดา...
อย่างแรกเลย คือ คุยโทรศัพท์น้อยลง
ปกติแล้วกูจะคุยโทรศัพท์วันละไม่รู้กี่รอบ
มาม๊า วันละ 2 รอบ พี่ชายวันละ 2-3 รอบ เพื่อน พี่ ฯลฯ
แต่พอย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้ว
ก็เลยไม่จำเป็นต้องโทรหาบ่อยอย่างที่เคยแล้วก็ได้
เพราะเดี๋ยวก็เจอกันที่บ้านอยู่ดี

ส่วนเพื่อนๆพี่ๆก็ได้คุยน้อยกันลงไป
เปลี่ยนมาคุยกันตามเวบฮิห้า เฟสบุค มัลติพลายต่างๆแทน

นี่หรอ...คือสิ่งที่เค้าเรียกกันว่า “ชีวิตในวัยทำงาน”

เมื่อก่อนไม่เคยคิดว่าการทำงานจะเป็นอุปสรรคต่อการติดต่อหากัน
แต่พอได้มาทำงานจริงๆ ถึงได้รู้ว่า...
บางครั้งทำงานจนแค่จะกินขนม ยังลืมเลย
แล้วจะนับประสาอะไรกับโทรหาคนอื่นๆมากมาย

แปลกแต่จริง...นะ

และความรู้สึกเหงาก็ยิ่งตอกย้ำมากขึ้นโดยอีโทรศัพท์เครื่องใหม่นี่แหละ
เบอร์โทรศัพท์ที่อยู่ในเครื่องเก่ามีหลายร้อย...ก็จริง
แต่รู้มั้ย...ว่าตอนที่จะเมมเบอร์โทรศัพท์ลงเครื่องใหม่
กลับเหลือจริงๆแค่ไม่กี่สิบเบอร์
จะเมม...แต่จะได้ติดต่อกันอีกรึเปล่า ก็ไม่รู้
จะไม่เมม...แต่ก็เผื่อฉุกเฉินต้องมีธุระ รึป่าววะ
โอ๊ย...กูไม่ได้เปลี่ยนมือถือมานาน เลือกไม่ถูกโว้ย
สับสนไปมาอยู่ยังงี้ ก็เลยยังเมมไม่เสร็จซักที

พอนั่งมองเบอร์โทรศัพท์แต่ละคน
ก็นั่งนึกไปว่าพวกเค้าแต่ละคนทำอะไรกันอยู่
สักวันจะได้มีโอกาสติดต่อกันอีกมั้ย
พอถึงจุดนี้ มันก็แอบรูสึกโหวงๆข้างใน

ว่าไม่มีใครจะอยู่กับเราไปจนถึงที่สุดได้...นอกจากตัวเราเอง
ทุกคนต่างก็มีเส้นทางชีวิตแตกต่างกันออกไป เรียนต่อ ทำงาน ฯลฯ
แต่เส้นทางชีวิตของกูมันกลับไปทับซ้อนอยู่กับของคนอื่นเต็มไปหมด
กูจะทำยังไงให้กูอยู่ได้โดยไม่ต้องคิดถึงคนอื่นมากได้มั้ยวะ
เพราะถ้าคนอื่นๆไม่ได้คิดถึงเรา...มันก็น่าเหงาอยู่ไม่น้อย ใช่มะ

กูอยากเลิกคิดถึงเรื่องคนอื่นแล้วว่ะ...กูเหนื่อยว่ะ
แต่ถ้ากูทำได้อย่างนั้น...จินนี่ก็อาจไม่ใช่”จินนี่”
แต่กูก็เบื่อความเป็น “จินนี่”ของตัวเอง เอ๊ะแต่ถ้าไม่ใช่”จินนี่”
จินนี่
ก็อาจจะเป็น “จินนี่” ที่ไม่ใช่ “จินนี่” อ้าว แล้ว “จินนี่” จะเป็นยังไง
แต่...
โอ้ย...พอ...เลิกได้แล้ว (555 ยังขออุตส่าห์เล่นมุกแก้เครียดตัวเอง)

การเปลี่ยนแปลงที่เข้ามาพร้อมๆกันแบบนี้
กูจะรับมือได้ดีแค่ไหน ตอนนี้ตัวกูเองก็ยังไม่รู้เลย
ในอนาคตกูจะเปลี่ยนไปอย่างที่สิ่งรอบตัวเปลี่ยนมั้ย
กูก็ยังไม่แน่ใจ....กูก็ได้แต่หวังว่าจะพบเส้นทางของตัวเองไวไว
อย่างที่คนอื่นเค้าพบกัน

เนอะ

สู้สู้เข้านะ....ตัวเอง

ปล. นอกจากบล็อกนี้แล้ว กูก็ต้องขอขอบคุณเพื่อนกู
ที่ยังทนฟังให้กูได้ระบายความไร้สาระของตัวเองอยู่ทุกวี่ทุกวัน
ปล. อยากเป็นกำลังใจให้กับคนที่ก็ยังสับสนในชีวิตอยู่เช่นกัน
คิดไว้ซะว่า “ยังมีคนที่เวิ่นเว้อกว่าคุณ(เช่นกู)อยู่”