วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

1st Meeting 910 Roomates

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้จัดงานพบปะสังสรรค์กับสมาชิกห้อง910 ที่ร้านบ้านหญิง สยามซอยท้ายๆ
สมาชิกทุกคนน่ารักมาก มากันอย่างพร้อมเพรียงและไม่มีใคร(กล้า)เบี้ยวนัด เพราะกลัวโดนสอบสวน
บอกว่างานสังสรรคก็จริง แต่ความจริงก็มีแค่ 4 คนเท่านั้นแหละ
อันที่จริงก็แค่มากินข้าว...นั่งเม้าท์ตามประสาผู้หญิงแค่นั้นเอง

หลังจากสอนภาษาญี่ปุ่นเสร็จที่ฝั่งกระโน้น ก็รีบๆๆๆข้ามมาที่ฝั่งกระนี้ เพื่อให้ทันตามเวลาที่นัดกันไว้ตอน 5 โมง แต่ปรากฎว่า ก็มาถึงเป็นคนแรกเลย ระหว่างที่รอสมาชิกคนอื่นๆ ก็จัดแจงทำธุระของตัวเองไป และแล้วก็ได้เจอกับ "นิ" เป็นคนแรก(ซึ่งความจริงควรจะมาถึงก่อน เพราะอยู่ไกลสุดตั้งหอจุฬาฯแน่ะ)
ทันทีที่เจอหน้ากัน ก็รู้เลยว่า อินเทรนกันทั้งคู่ เพราะชุดดำเมี่ยมมาเลย
เนื่องจากศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระพี่นางฯ คนไทยทุกคนก็เลยไว้ทุกข์ด้วยการสวมชุดดำ เพื่อร่วมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย

หลังจากนั้น ก็เดินลัดเลาะตามซอยสยามไปยังที่นัดหมายของพวกเรา
เดินไป เม้าท์ไป แป๊ปเดียวก็ถึงที่หน้าร้านบ้านหญิง แต่สมาชิกคนอื่นๆยังไม่มา
จินนี่กับนิก็เลยแอบแวะช้อปปิ้งแถวนั้น และสมาชิกคนที่ 2 สาว "บุษ" ก็ตามมา
เมื่อมากัน 3 คนแล้ว ก็ไม่รอช้า เข้าไปในร้าน ด้วยความหิว จึงสั่งอาหารกันอย่างเมามันส์
(โดยไม่คิดจะรออีกคน) จนสั่งเกือบจะเสร็จ สมาชิกคนสุดท้าย "แอน" ก็เดินทางมาถึงที่ปรัมพิธี(ซะที)
พวกเรารู้กันอยู่แล้วล่ะว่า ไม่ได้เจอกันนาน เรื่องเม้าท์ก็มากมาย ก็เลยรีเควสขอที่นั่งมุมสงบส่วนตัว
เพราะไม่อยากรบกวนโต๊ะอื่นๆ (แต่สุดท้ายก็ไม่ช่วยอะไร เพราะนิบอกว่า มีคนเหล่โต๊ะเราด้วย)
แต่อยากให้รู้ว่าพยายาม(หลบ)ที่สุดแล้วนะ

คาดว่าเด็กจุฬาฯหลายคนก็คงรู้จัก"ร้านบ้านหญิง"ดี บรรยากาศสบายๆ อาหารและเค้กอร่อย
ไม่นาน...กับข้าวบนโต๊ะก็หมดอย่างรวดเร็ว
ถ้าถามว่า ใครได้กินน้อยสุด ก็ไม่ต้องสงสัยว่าเป็น"จินนี่"แน่ๆ
สาเหตุมีอยู่อย่างเดียวคือ มัวแต่เม้าท์จนไม่ทันกิน ก็ยอมรับไป

หลังจากที่สวาปามอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว สาวบุษของเราก็อดรนทนไม่ได้ที่เห็นนิกะแอน ดัดและทำสีผมกันอย่างปี้ดป้าด จึงตัดสินใจทำสีผมอย่างไม่รอช้า และแล้วเราทั้ง 4 ก็เดินหาร้านทำผมให้บุษกัน
พอหาร้านได้แล้ว อย่าคิดนะว่าเราจะเป็นเพื่อนที่ดีนั่งรอ ไม่เลย ก็ทิ้งบุษแล้วไปเดินช้อปปิ้งรอสิ
นี่แหละคือวิธีที่เพื่อนดีๆเค้าทำกัน 555

เมื่อเวลาผ่านไป ในขณะที่เงินในกระเป๋าตังค์เริ่มหมด สีผมบุษก็เริ่มติด ประจวบเหมาะกันพอดี

พวกเราก็เลยพาสีผมบุษใหม่ไปอวด เดินเฉิดฉายตามซอยสยาม(ซึ่งปิดหมดแล้ว)
ถึงฝนจะตก เราก็บ่ยั่นที่จะเดินช้อปต่อ แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อถนนที่ชื้นแฉะ อากาศที่เหนียวเหนอะ
เวลา 4 ทุ่มกว่าๆและ งานรวมตัวของพวกเราก็จบเพียงเท่านี้
แยกย้ายกันเดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ รอพบกันใหม่ในงานครั้งต่อไป

จนถึง ณ บัดนี้...
นั่งพิมพ์อยู่...ง่วงมาก
งานแปลมี...แต่ไม่ทำ

Managerเดินมาแล้ว ต้องทำงาน(จริงๆ)แล้วล่ะ

วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ลอย..ลอย..กระทง ฮิ้ว

ไม่มีที่ไหนอุ่นใจเท่าจุฬาฯเรา ไม่มีที่ไปยังไง ก็ยังมีจุฬาฯ

ลอยกระทงปีนี้ การเรียนจบจากจุฬาฯ ไม่ได้หมายความว่าเราจะกลับไปลอยที่นั่นไม่ได้
เค้าว่ากันว่า...ใครเป็นแฟนกันแล้วไปลอยที่จุฬาฯจะเลิกกัน ความจริงที่ไปก็กะจะอาศัยจังหวะนั้น คว้าหาคนมาลอยด้วยอยู่เหมือนกัน แต่แผนนั้นต้องเป็นอันล้มเหลวไป เพราะโดนจองตัวตลอดทั้งคืน

ไม่ต้องสงสัยว่าจองตัวไปทำอะไร ป๊อบขนาดนั้น(หรอ)
ไม่ช่าย...เพื่อนจองตัวให้ไปเป็นแม่ค้าขายกระทง(ต่างหาก)ล่ะ

ในระหว่างที่เพื่อนตกงาน ก็มาขายกระทงไปพลางๆ ด้วยความที่เป็นเพื่อนมัน ก็เลยต้องหอบสังขารจากบางนาไปยังใจกลางบางกอก เพื่อไปแหกปากขาย(แลกค่าแรงเป็นกระทง)

บรรยากาศการลอยกระทงแถวจุฬาฯก็ยังคงครึกครื้นเช่นทุกปี แต่ปีนี้คงเหงาหน่อย เพราะซียูแบนด์ไม่ได้เล่นคอนเสิร์ต เพื่อร่วมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย (แต่การที่ดนตรีถาปัดยังเล่นคืออะไร) ทำให้บรรดาสมาชิกแบนด์ตาดำๆต้องระเห็จไปหาที่ลอยกระทงที่อื่น แต่ก็ยังกลมเกลียวเหนียวแน่นไปกันเป็นก้อน(?)

สถานที่ยอดนิยมอีกแห่งคือ ภูเขาทอง (ไม่ใช่ซอสนะ)
แต่คาดว่า แนวโน้มของหนุ่มสาว(ที่มาหาเหยื่อ)ส่วนใหญ่ น่าจะมาที่จุฬาฯมากกว่า เพราะถ้าเป็นที่ภูเขาทอง แร้งค์กิ้งอายุของคนที่ไปจะกว้างขึ้น ขยายขึ้น ซึ่งนั่นก็หมายความว่า มีเปอร์เซ็นต์ที่จะเจอแต่คนแก่มากกว่าที่จุฬาฯ จุฬาฯชนะเลิศ

ขายไปขายมา ตะโกนเรียกลูกค้าไปมา กว่าจะรู้ตัวก็เกือบเที่ยงคืนซะแล้ว (ยังกะนังซิน แต่นี่เป็นนังจิน)
เพราะไอกระทงของเพื่อนเนี่ย ดันขายดี รับออเดอร์กันไม่หวาดไม่ไหว จากที่มีสต็อควางขายหน้าร้าน เกลี้ยง...กลายเป็นกระทงตามสั่ง ใครรอได้รอไป รอไม่ไหวไปร้านอื่น!

มีทั้งกระทงกะลาแบบกันกระแทก(ตอนที่จะเบียดเสียดตัวเข้าประตูไง) กระทงจุฬาฯ(สีชมพู) ไว้หลอกเด็กแอดมิชชั่น กระทงเรียกรัก(อัดแน่นไปด้วยกุหลาบ) กระทงเด็กแนว(น้องขอมา พี่จัดให้) และหลากกระทง





และแล้ว...ก็ได้เวลามาลอยกระทงของตัวเองซักที

หลังจากจัดแจง(เอาเศษที่เหลือมา)แต่งกระทงได้แล้ว ก็จรลีเข้าสู่สระน้ำแห่งจุฬาฯ

วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำก็นองเต็มตลิ่ง เราทั้งหลายชายหญิง สนุกกันจริ๊งงงงง...
อย่าให้ช้า ลอยไปเลยลูก
เท่านั้นแหละ...คว่ำ!


ขอขมาจากพระแม่คงคา สิ่งไม่ดีจงลอยไป ให้สิ่งดีดีไหลเข้ามา
ขอให้มาม้าและครอบครัว รวมทั้งตัวเองมีความสุข

ขอให้ซียูแบนด์จงเจริญ

ขอให้เพื่อนๆทั้งนอกและใน แฮปปี้เรียนจบ กลับมาไวๆ อย่าอยู่นาน กูเหงา แล้วกูจะได้ไปเรียนต่อเอง(ซักที)

ขอให้คนที่มีบุญต่อกัน ได้เจอกันทุกชาติไป

เพี้ยง!




วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

Music Camp' 51

คำนิยามของสัมมนาปีนี้ บอกได้คำเดียวเลยว่า "เหมือนฝัน"
ไม่ใช่สนุกมาก แต่ทุกอย่างรวดเร็วมากจนเหมือนฝันแค่คืนเดียวจบ

สัมมนาปีนี้จัดที่รีสอร์ท(สักอย่าง) ที่จ.นครนายก เป็นรีสอร์ทขนาดกลางอยู่ติดริมแม่น้ำ แต่อันที่จริงแล้ว เป็นแค่ลำธารขนาดย่อม ไหลเอื่อยๆ ซึ่งน้องต้นปอกะน้องเนยลงไป ลำธารก็คงเอ่อแล้ว จึงไม่มีใครสามารถลงไปเล่นได้ แต่สำหรับคนที่ไร้สติในยามค่ำคืน ก็ไม่แน่
บรรยากาศโดยรวมนับว่าโอ แต่สู้ปีก่อนๆบ่ได้เลย

รุ่นพี่เซ็ทแรกที่ตามไป ได้แก่ พี่เก่ง กู ปุ้ย แล้วก็ปุ้ย กู พี่เก่ง จะพิมพ์กี่ที หรืออ่านกี่รอบ ก็มีเท่านี้แหละ หลังจากนั้นไม่นานก็ตามมาด้วย 2 ประธานรุ่นเดอะ(มาก) พี่ตั๋งและพี่เคียว และตามมาสมทบในรอบเย็นเป็นเซ็ทที่สาม ได้แค่ นก พี่โอ๋และพี่โคล และเซ็ทต่อไปที่มาได้แก่...(เสียงจักจั่นร้อง) ที่คุณคิดไว้ ถูกต้องแล้วคร้าบบบ สิริรวมรุ่นพี่ที่มาปีนี้ทั้งหมดแล้ว มีทั้งสิ้น 8 หัวคร้าบบบบบ

ท่ามกลางความมึนงงของรุ่นพี่ จึงขอแวะไปสงบสติอารมณ์กันที่เขื่อนขุนด่าน(สักอย่าง) ไปชมความงามยามพระอาทิตย์ตกดินที่จะลับสันเขื่อน ท้องฟ้ายามเย็นสีแดงสดตัดกับน้ำเงินเข้ม เบื้องล่างเห็นบรรยากาศตัวเมืองนครนายกโดยรอบ สวยงามมาก สามารถติดตามดูรูปภาพจากมัลติพลายของพี่เก่งได้



หลังจากทำใจได้แล้ว ก็แวะกลับมาชมบรรยากาศการสัมมนาของน้องๆ ซึ่งปีนี้ก็คล้ายๆกับปีก่อนๆ แบ่งกลุ่มพรีเซ็นท์ความคิดของกลุ่มตัวเอง แต่ปีนี้ไม่ยักกะมีกฏสมการประหลาดๆเหมือนของใครบางคนปีที่แล้วแฮะ
หลังการพรีเซ้นท์จบ ก็เป็นรายการบอกเล่าเก้าสิบของพวกรุ่นพี่ ซึ่งปีนี้กูก็ได้ถูกอัญเชิญขึ้นไปพูดกะเค้าด้วย ไม่ใช่เพราะอะไร แต่เพราะไม่มีรุ่นพี่ให้ออกไปแล้วต่างหาก และคงเป็นความผิดพลาดอย่างรุนแรงของน้องๆที่ให้กูออกไปพูด เพราะกูดันไปเจอเหตุการณ์ไม่สบอารมณ์เข้า จึงขอยอมเสียสละตัวเองสลับบทบาทกับพี่ปุ้ยออกไปอาละวาดน้องๆ จากการ บอกเล่า จึงกลายเป็น การเหวี่ยงแทน ถ้าทำให้น้องๆหลายคนตกอกตกใจก็ขออภัยด้วย แต่พี่พูดเรื่องจริงนะจ้ะ

หลังจากสัมมนาจบ คิดว่าไม่ต้องพิมพ์ต่อ คนแบนด์ทุกคนก็รู้ดีว่าเกิดอะไรต่อไป ธรรมเนียมปฏิบัติ กิจกรรมที่ซียูแบนด์ขาดไม่ได้ Non-stop until the sun rise!! (over and over again...) และช่วงเวลาแห่งความสนุกสนานหรรษา ลัลล้า เมาแลมันส์ ก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เจอหน้ากันอีกทีตอนกินข้าวเช้า ราวกับว่าเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกคนหน้าตาสดใส มีชีวิตชีวาดี แต่แก้มแอบเลือดฝาดนิดๆ 555

และแล้วความฝันก็ต้องจบลง เพราะมีพี่บางส่วน(รวมทั้งกูด้วย)ต้องเดินทางกลับก่อนเวลาอันควร เนื่องจากติดภารกิจการทำงาน แต่ส่งตัวแทนรุ่นพี่ทิ้งไว้ พี่เก่งคนเดียวก็พอแล้วแหละ

ใครที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ หลายคนคงเป็นห่วงว่าพี่เก่งของเราจะเหงามั้ย แต่สบายใจได้ เพราะว่าพี่เก่งใช้ความสามารถส่วนบุคคล ทำให้ตัวเองมีความสุขได้ทุกประการ แถมยังเมามันส์เกินหน้าเกินตาน้องๆหลายคน ลีลาคงติดตรึงอยู่ในหัวใจน้องๆไปอีกนาน แต่กูเห็นจนชินแล้วว่ะ

จนถึง ณ ตอนนี้(ที่พิมพ์อยู่) ก็ยังรู้สึกทำใจไม่ได้กับการเปลี่ยนบทบาทอย่างรวดเร็ว จาก ชาวแบนด์ มาเป็นมนุษย์เงินเดือน นั่งทำงานหน้าคอมฯ รวดเร็วจนจะรับแทบไม่ได้ แต่ก็...ช่วยไม่ได้นิ

เหมือนฝันไปจริงๆว่ะ

สุดท้ายนี้...
ขอขอบคุณแสงไฟงามๆตลอดทั้งคืน จากพี่เก่ง ฮูซาวด์ของเรา เย้ (และการที่มีคนคิดว่าใช้ไฟสปอตไลท์จริงๆคืออะไร)
ดีเจเปิดเพลงเพราะๆ จาก น้องตุ๊กตา
เครื่องดื่มไม่อั้นตลอดคืน จาก ซียูแบนด์
เสียงดังน่ารำคาญ จาก วงไพ่(นรก) จะเสียงดังกันทำม้ายยยยยย
ปุ้ยและน้ำแข็งที่ช่วยกันลากพะยูน(เนย)เกยตื้นออกไปจากเตียงของเรา
ปากแตก และรอยช้ำทั่วตัว จาก ไอปุ้ยกะไอต๋อม

แล้วเจอกันปีหน้าเว้ย!!