คิดถึงจัง...จตุจักร
เห็นกูเป็นเด็กกรุงเทพฯก็จริงเถอะ แต่เชื่อมั้ยว่า 2ปีจะไปจตุจักรสักหน
ตอนเรียนจุฬาฯ เรียนก็เยอะ กิจกรรมก็แยะ ก็ไม่มีเวลาไปจตุจักร
พอเรียนจบ งานก็เยอะ เศรษฐกิจก็แย่ ก็ไม่มีทั้งเวลาและตังค์ไปจตุจักรอีก
แต่คราวนี้ หลังจากผ่านมา 2 ปีเศษ กูก็มีเวลา(และตังค์)ได้ไปเดินเล่นที่จตุจักรกะเค้าบ้างสักที
และการไปในครั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการเอาชนะคำดูถูกของเพื่อนคนหนึ่ง
ว่า.....
“อีจินนี่ มึงจะไปเดินอันเดอร์กราวด์ช่วยดูหนังหน้ามึงหน่อย
เค้ามีแต่เด็กแนวๆไปเดินกัน มึงจะไปเดินกะเค้าทำไม”
กูก็โทรชวนมันไปเดินเล่นอยู่ดีๆ มึงไม่ไปก็ไม่ต้องด่ากูก็ได้
แค้นมันแน่นอกว่ะ ยังงี้มันต้องถอน
วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม
หลังจากสอนคอร์สตอนเช้าเสร็จประมาณ 11 โมงได้
เป็นเวลาว่างยามบ่ายที่หาได้ยากยิ่ง
ไม่ได้และ...จินนี่ว่างทั้งที มันต้องมีอะไรพิเศษสิ
และแล้ว ก็ได้ไปเที่ยวจตุจักรกับคนพิเศษจริงๆ
คนนี้พิเศษจริงๆ เพราะว่าเป็น เพื่อนชาวญี่ปุ่น ที่มาเรียนต่อที่ไทยได้เกือบปีและ
ตลอดเวลา กูเคยไปเทคแคร์เค้าอยู่แค่ครั้งสองครั้งเอง เลยรู้สึกผิดมาก
ว่าไม่ได้ไปช่วยอะไรเค้าเลย ก็เลยถือโอกาสนี้เป็นการชดเชยซะเลย
หวังว่ามันคงพอทดแทนกับ 1 ปีที่จะผ่านมานะ 555+
ระหว่างทางไปจตุจักร ก็ทำบุญโดยการช่วยเหลือชาวญี่ปุ่นที่ไม่รู้จักทาง
บังเอิญมากที่เค้ากำลังจะไปจตุจักรเช่นกัน ก็เลยได้มีโอกาสทำความรู้จักกันไปในตัว
พอไปถึง ก็ต่างคนต่างแยกกันไปตามทาง
เพื่อนชาวญี่ปุ่นคนนี้ชื่อ Gussan หรือกุสซัง
เป็นเพื่อนที่จินนี่เคยสอนภาษาไทยให้เมื่อตอนที่เรียนอยู่ปี4
และแล้วกุสซังก็เดินมา อยู่ในชุดลุยๆ พร้อมกับถือร่มกันแดดพร้อม
อย่าคิดว่ากูอยู่กะคนญี่ปุ่นแล้วจะพูดญี่ปุ่นหรอกนะ
ป่าวเล้ยยยย...80%ของบทสนทนาเป็นภาษาไทยล้วนๆ นอกนั้นก็เป็นไทยผสมญี่ปุ่น
แหม ก็ไหนๆเค้าจะกลับแล้วทั้งที ก็ช่วยให้เค้าได้พูดกันคิดถึงซะหน่อย
ระหว่างทางเดินไป ทั้งสองคนพูดเป็นอยู่คำเดียวว่า “ร้อนนนนนนน”
วันนั้น ร้อนมากจริงๆ ร้อนขนาดที่เดินแก้ผ้ายังไม่หายร้อนเลย
จุดมุ่งหมายในการมาครั้งนี้ของกุสซังคือ ซื้อของฝากกลับญี่ปุ่น
จินนี่ก็ถามว่า “กุสซังจะซื้ออะไรไปฝากเพื่อน”
กุสซังตอบว่า “ตะเกียง”
จินนี่ “....? (เงียบไปพักหนึ่ง) ไม่ใหญ่ไปหรอกุสซัง แล้วจะขนกลับยังไง”
แต่กุสซังก็ยืนยันที่จะซือให้ได้ อะ กูก็ตามใจ (แต่ก็ยังสงสัยอยู่)
เดินกันไปสักพัก ร้านแรกที่เข้าไปก็คือ ร้านขายพวงกุญแจทำมือ
ก็มีพวงกุญแจหน้าตาประหลาดๆมากมาย ทั้งสไปเดอร์แมน เงาะป่า ฯลฯ
จินนี่กับกุสซังก็ช่วยกันเลือก กุสซังบอกว่าเอาไปฝาก “คนไม่สำคัญ”
กูหันขวับทันที “แร๊งงงงงงง” ใครสอนกุสซังพูดคำนี้หนอ กูชักหวั่นใจ
และแล้ว เราก็ช่วยเลือกพวงกุญแจให้คนไม่สำคัญจนครบ
เห็นกุสซังเลือกไปมา กูก็เอากะเค้าด้วยอีกคน
เอาละ หลังจากได้ของฝากให้คนไม่สำคัญแล้ว
ก็ไปหาซื้อ “ตะเกียง”ให้คนสำคัญจริงๆดีกว่า
เดินไปเดินมา เจอร้านขายผลิตภัณฑ์จากไม้
กุสซังก็เดินเข้าไปเลือกของฝากสักประมาณ 5-6 ชิ้น
แล้วก็เดินออกมา ของฝากชิ้นนั้นคือ “ตะเกียบ”ที่ทำจากไม้นั่นเอง
พอจินนี่บอกว่าจะเดินไปหาร้านขายตะเกียงต่อ
กุสซังก็บอกว่าเค้าได้ตะเกียงแล้ว ครบแล้ว
กูก็งงว่าเค้าไปซื้อตะเกียงมาตอนไหนวะ ก็กูเห็นมันถือมาแค่ตะเกียบ
และแล้ว...กูก็ถึงบางอ้อ
ว่าไอตะเกียงที่เค้าจะซื้อเนี่ย มันก็คือ ตะเกียบ นั่นแหละ
แต่ดันออกเสียงผิด กลายเป็น “ตะเกียง” ซะนี่
กูก็เลยหายงงทันที พร้อมกับสอนกุสซังออกเสียงไปยกใหญ่
ว่า “ตะเกียง” กับ “ตะเกียบ” มันต่างกันยังไง
เฮ้อ กูละปวดหัว
หลังจากที่ได้ตะเกียบของจริงมาแล้ว ก็เป็นช่วงเวลาชิลๆเดินเล่นตามใจชอบ
เดินไปคุยไป ของในมือกู ก็ค่อยๆเพิ่มทีละชิ้นสองชิ้น
ใครเป็นเพื่อนกูก็จะรู้ดีว่า กูกับแหล่งช้อปปิ้งน่ะเป็นของคู่กัน
จนเวลาล่วงเลยมาจนถึงบ่าย 3
ก็ได้เวลาที่กุสซังจะกลับเพื่อไปกินเลี้ยงต่อกับเพื่อน
ใช่แล้ว...กุสซังกลับ แต่กูไม่กลับ
และแล้ว หายนะก็บังเกิดขึ้นกับกูจนได้
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่า กูคนเดียวก็สามารถเดินเล่นจตุจักรได้
เดินแม่งตั้งแต่โซนหนึ่งยันอีกโซนหนึ่ง
แถมต้องเดินลงไปกดตังค์ที่รถไฟใต้ดินประมาณ 3 ครั้งได้
ก็ตั้งใจแล้วน้าว่าจะไม่ซื้อๆๆ แต่สุดท้ายก็...เอาน่า รางวัลชีวิต 555+
วันนั้นก็เบ็ดเสร็จรวมไปทั้งสิ้น เหยียบ4 พันได้ (กะอีแค่ของกระจุกกระจิก)
ยังดีที่ยังพอมีเวอร์ชั่นเกรงใจ สำนึกได้ว่าเพิ่งต้นเดือน ไม่งั้นได้แดกแกลบแทนข้าวแน่
สุดท้าย เอาตังค์ไปซื้อของหมด จนต้องนั่งแดกข้าวไข่เจียว 15 บาทริมถนน
เฮ้อ...อนาถตัวเองมั้ย
มานั่งมองของที่ตัวเองซื้อ ได้ข่าวว่ากูคนไทย อยู่เมืองไทย
ซื้อของยังกะห่าลง ไม่ได้เจอะเจอจตุจักรกันอีกแล้ว
แต่กุสซัง คนญี่ปุ่น จะกลับญี่ปุ่นอยู่มะรอมมะร่อ
ซื้อพวงกุญแจ 10 ตัว กับตะเกียบ 5 คู่
ใครจะอยู่หรือใครจะไปกันแน่วะ
หลังจากช้อปปิ้งอย่างบัาคลั่งที่จตุจักรเสร็จแล้ว
วันว่างๆอีกวันหนึ่งของกูกำลังจะหมดไป
แต่คงจะดีไม่น้อย ถ้าได้ใช้เวลาก่อนค่ำกับเพื่อนสนิทสักคน
ว่าแล้ว ระหว่างทางนั่งรถกลับ ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“ปุ้ย อยู่ไหน รอกูไปกินข้าวเย็นด้วยสิ”
และกูก็มาอยู่ที่บ้านมัน
ถือว่าเป็นลาภปากแท้ๆ เพราะมีแขกมาพักอยู่ที่บ้านปุ้ยพอดี
กูก็สบโอกาสเนียนนั่งกินข้าวเย็นกับเค้าซะงั้น
ก็นั่งกินพร้อมๆกับนั่งเม้าท์กับปุ้ย ถึงแผนวันหยุดสงกรานต์ที่กำลังจะถึงนี้
แถมพรุ่งนี้ กูก็โดดงานซะงั้น เลยนั่งกินได้อย่างชิลๆ
และกูก็ต้องกลับของจริงซะที
กลับถึงห้องโดยสวัสดิภาพ พร้อมกับของพะรุงพะรัง
เหนื่อยจังว่ะ...
อีก 2 ปีเจอกัน...จตุจักร
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
อืมม นานๆเข้าเมืองที ก็ตื่นเต้นเป็นธรรมดานะ
ตอบลบปล. อย่างงี้มันต้องถอน.......
ไปไม่ชวนมีเฮ..... อ้าว เฮ รอเลยละกัน
jINNY UR BLOG IS SO FUNNY 55555555
ตอบลบ