วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2552

คำแนะนำจากเพื่อนร้าก

บทความนี้เป็นบทความต่อเนื่องจากเรื่องที่แล้ว

หลังจากที่ตกอยู่ในวังวนความสับสนวุ่นวายของชีวิต
สถานการณ์ชีวิตก็ยิ่งเลวร้ายตามวันเวลา
กลืนก็ไม่เข้า คายก็ไม่ออก
งานใหม่ก็หาไม่ได้ งานเก่าก็ยังไม่รอด
กูจะทำไงดี......

และแล้ววันนี้ก็มีทางเลือกหนึ่งหยิบยื่นมาให้ข้าพเจ้า

วันนี้ ตื่นนอนแต่เช้า อาบน้ำ แต่งตัวตามปกติ
แต่วันนี้จะต้องเรียบร้อยเป็นพิเศษ
แต่งตัวเสร็จแล้ว ก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมา
“ตรู๊ด...ตรู๊ด.... พี่ – หรอคะ วันนี้จินนี่ขอลาครึ่งเช้านะคะ

ปวดท้องไปไม่ไหวค่ะ ผู้ชายหลายคน(เ-นส์)มา”
กูไม่ได้โกหกนะ แค่พูดความจริงไม่หมดเท่านั้นเอง
วางหูโทรศัพท์แล้ว ก็มาเดินตามหาอีกทางเลือกหนึ่งของเราดีกว่า

ทางเลือกที่ว่า ก็คือ การสัมภาษณ์งานใหม่นั่นเอง
เป็นเหตุการณ์ที่ใครไม่เคยเจอก็นับว่าแปลกแล้วล่ะ
นั่นก็แสดงว่า คุณน่ะโชคดีที่เจอที่ที่ใช่แต่เนิ่นๆ
ไม่ต้องดิ้นรน ตะเกียกตะกายหาที่ใหม่
แต่ก็ยังมีอีกหลายคน ที่กว่าจะเจอที่ที่ใช่ก็เดินอ้อมไปไกลหลายโขอยู่เหมือนกัน
เช่นกู....

กูก็เดินอ้อมมาเป็นปีเหมือนกัน ถึงกว่าจะได้รู้ว่า “ถึงเวลาเสียที”
และแล้ววันนี้ก็มาถึง....

รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ ณ ห้องรอสัมภาษณ์แล้ว...
ตึกตักๆ นั่งรอด้วยความตื่นเต้น
อ๊ะ นั่นไง คนสัมภาษณ์มาแล้ว
10 นาทีผ่านไปไวเหมือนโกหก และแล้วกูก็กลับมาอยู่ที่บริษัท(เดิม)อีกครา

ได้ข่าวว่ากูตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า แต่งตัวอีก 1 ชํ่วโมงครึ่ง บวกกับการเดินทางอีก 1 ชั่วโมงกว่า
เดินผิดไป 3 ซอย เหงื่อไหลไป 3 ถัง
เพื่อมาสัมภาษณ์กะอีแค่ 10 นาที
แมวตดทิ้งไวยังเหม็นนานกว่าเล้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

มันไม่ได้จบแค่นั้น เบิ้ลเข้าไปอีก 2 ตอนขากลับ
เหงื่อไหลเพิ่มเป็น 6 ถัง เดินไกลอีก 2 กิโล เอวลดลง 2 นิ้ว ขาดตัว
โคตรคุ้มเลย

เท่านั้นไม่พอ อีกหนึ่งปัญหายังตามมาติดๆ
เสื้อผ้าหน้าผมที่กูเนรมิตไว้เพื่อการสัมภาษณ์ที่ใหม่
แต่เมื่อต้องกลับมาทำงานที่เก่าในบ่ายวันเดียวกัน
มันก็ต้องมลายหายไปภายในพริบตา ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม
(แม่งดันกระแดะใช้วอเตอร์พรูพอีก)
เอาความเนียนเข้าว่า เดี๋ยวจะไม่สมกับที่(โกหกไว้ว่า)ปวดท้อง

งงใช่มั้ย ว่าตั้งแต่ที่เล่ามามันเกี่ยวข้องกับคำแนะนำของเพื่อนรักตอนไหน
นี่แหละ มันกำลังจะมาแล้ว
จินนี่ “เนี่ย กูต้องเปลี่ยนเสื้อแล้วก็ล้างเครื่องสำอางออกหมดเลยว่ะ เดี๋ยวไม่เนียน”
เพื่อนรัก “มึงไม่ต้องล้างออกก็ได้นะ”
จินนี่ “บ้า เดี๋ยวเค้าก็รู้กันหมดว่ากูไปสัมภาษณ์งานมา”
เพื่อนรัก “มึงก็ไปซื้อบ๊วยมาสิ”
จินนี่ “ซื้อมาทำไมวะ”
เพื่อนรัก “อ้าว ก็เอามาทาปากให้มันดูซีดๆดิ....แต่มึงอย่าทาหนาเกินนะ เดี๋ยวมันจะดูเว่อร์ไป”
จินนี่ “.....”

สมเป็นเพื่อนรักกูจริงๆ ไม่เคยทำให้กูผิดหวังเลย
โคตรรักมึงเลยว่ะ...นังอุ้ย

วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2552

เมื่อวันที่ชีวิต....

ขึ้นชื่อเรื่องมาก็ทะแม่งๆแล้วใช่มั้ยล่ะ
ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะลงเรื่องงานกาชาดอยู่หรอกนะ
แต่ถ้ายังไม่สามารถตัดสินใจกับ “จุดเปลี่ยน”ของชีวิตในตอนนี้ได้
เขียนไปก็คงไม่สนุกหรอก...(ฮาแตกมาทุกอัน จะจริงจังสักเรื่องคงไม่เป็นไรมั้ง)

ก่อนหน้านี้ เคยเห็นพี่ชายตัวเองซึมเศร้า กินไม่ได้นอนไม่หลับ
อาการปางตายคล้ายๆคนอกหัก
แต่ไม่ใช่ว่ะ....มันคือ “อาการเบื่องาน”
ซึ่งตอนนี้ก็ได้ประสบขึ้นกับข้าพเจ้าแล้ว

ตอนนี้ก็ทำงานเป็นล่ามโรงงานอยู่นิสสัน(รถที่ขายดีที่สุดในเมืองไทย?)
ก็รู้ว่างานนี้มันยาก แต่ก็ยังหวังว่าเมื่อเวลาผ่านไป มันก็คงดีขึ้น เก่งขึ้นเอง
เฝ้าหลอกตัวเองมาอยู่ทุกวัน ทู่ซี้แปลมันไปทุกวัน
รู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง ก็แปลไปให้มันจบๆ
วันไหนแปลได้ ก็แฮปปี้ วันไหนแปลเน่าแม่งก็เศร้า
วนไปวนมาเป็นวงจรอุบาทว์ จนกระทั่ง 1 ปี

กูก็ลืมไป ว่าความรู้มันไม่ใช่ต้นไม้
ไม่พรวนดิน ไม่รดน้ำ มันก็ไม่โต

1 ปีผ่านไป แต่ทำไมมันไม่เปลี่ยนแปลง(วะ)
กูก็ยังไม่เห็นว่าตัวเองจะหลุดจากวงจรอุบาทว์นี้ได้เลย
ไอปีแรก ก็ยังพอดูหน่อมแหน้มๆ “เด็กใหม่” ช่วยค้ำคอไว้
แต่มา ณ วันนี้ ก็ยังใหม่อยู่นะ แต่หน้าอะ “เก่า” แล้ว
ไอที่ใหม่อะ มันคือความรู้เหมือนที่เพิ่งเข้ามาตอนใหม่ๆน่ะ
ที่มันดูไม่มีพัฒนาการอะไรขึ้นเลย ยังสดๆซิงๆเลย
แล้วไง... ก็ “กดดัน” สิคะ

และก็ไอความกดดันนี่แหละ ที่มันทำให้วันนี้เรามีสภาพเหมือนพี่ชายในวันนั้น
พอเกิดความกดดัน ทำไม่ได้ ละอายใจ หน้าไม่ใหม่ บลาๆๆๆ
มันก็เลยเกิดปะทุออกมาเป็น “อาการเบื่องาน” ที่กล่าวไปในข้างต้น
อาการนี้ จะคล้ายกับอาการคนอกหัก
แต่ ใช้เวลาในการฟื้นฟูเร็วกว่า ตามระยะเวลาที่หางานใหม่ได้
หาได้ไว ก็หายไว หาได้ช้า ก็นั่งเซ็งมันไปอยู่อย่างนั้นแหละ
แต่ในเคสของกูเนี่ย เซ็งจนเลิกเซ็ง แล้วก็กลับมาเซ็งใหม่ อยู่อย่างเนี้ย

เซ็งมากถึงขนาดที่ว่า กูยอมลาออกแบบไม่ต้องรองานใหม่อะ
แต่ถึงจะบ่นสักเท่าไร นี่ก็ยังนั่งอยู่หน้าคอมฯเดิม โต๊ะเดิม บริษัทเดิม
แล้วกูก็มานั่งพิมพ์บ่นไอบริษัมเดิมๆนั่นลงในคอนพิวเตอร์บริษัทมันนั่นแหละ

เฮ้อ....
และเมื่อวันที่ชีวิต(กู) เดินเข้ามาถึงจุดเปลี่ยน(งาน)....
มันก็คิดหนักอยู่เหมือนกัน (ถึงจะชอบไร้สาระก็เถอะ)
ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี....
ออกแม่งเลย หรือ ทนอยู่ไปก่อน
แต่ไม่ว่าจะทางไหน ตอนนี้คงยังเลือกไม่ได้

แต่สิ่งที่กูเลือกได้ในวันนี้ ก็คือ เลือกเสื้อผ้าไปเที่ยวสงกรานต์ไงล่าาาาาาาาาาาาาาาาา
5555555555+
ก็เอาเป็นว่า ไปเที่ยวก่อน แล้วค่อยกลับมาคิดต่อละกัน

Songkran Festival, I’m COMING………