กูจะบาปมั้ย ถ้ากูจะแซว “แม่กู” เอง
คำนิยาม ของ ป้าม่วง
(คำนาม ลักษณะเดียวกับคำว่า “คนแบนด์”
ไม่มีความหมายทางทฤษฎีแต่สัมผัสได้ด้วยตัวเอง)
หมายถึง บุคคลผู้ซึ่งมีความสามารถในการจัดการสิ่งต่างๆรอบตัวได้มากเกินกว่าคนปกติทั่วไป
ตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ โดยส่วนใหญ่จะเริ่มจากคนใกล้ตัวก่อน
และจะค่อยขยายผลต่อไปเรื่อยๆหากได้รับการยอมรับ
และจะเกิดอาการน้อยใจได้ง่ายหากถูกกระทบกระเทือนทางจิตใจ
ควรใช้วิจารณญาณในการอยู่ใกล้
ป้าม่วงคือใคร?
แน่นอนว่าเพื่อนๆในกลุ่มทุกคนจะรู้จักมักคุ้นป้าม่วงกันเป็นอย่างดี
ป้าม่วงคือใคร?
แน่นอนว่าเพื่อนๆในกลุ่มทุกคนจะรู้จักมักคุ้นป้าม่วงกันเป็นอย่างดี
แต่ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้จักว่า ป้าม่วงคือใคร
หากวันนี้กูไม่เล่า มันก็จะยังคงเป็นความลับต่อไป
แต่ ณ วันนี้ กูทนไม่ไหวแล้วโว้ยยยยยยยยยย
จึงอยากจะมาขอแชร์ประสบการณ์ที่มีร่วมกับป้าม่วงให้ทุกคนได้รับรู้กันสักหน่อย
แล้วคุณจะรู้ว่า ป้าม่วง เป็นยังไง
ที่มาของป้าม่วง...
ณ วันหนึ่ง วันที่กูยังเป็นเด็กมัธยมหน้าใส
ที่มาของป้าม่วง...
ณ วันหนึ่ง วันที่กูยังเป็นเด็กมัธยมหน้าใส
มีกิจกรรมเป็นเด็กวงโยธวาทิตประจำโรงเรียน
ซึ่งต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายกว่าที่จะได้ถ้วยชนะเลิศมาครอบครอง
ความพยายามที่ทุกคนร่วมสู้มาด้วยกันย่อมตราตรึงอยู่ในหัวใจ
แต่แล้ว ในวันที่วงโยฯที่สุดแสนจะเป็นที่รักต้องยุบไป
จะมีใครเล่าที่จะกลั้นน้ำตาไว้ได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งกู
แต่แล้วความผิดพลาดก็บังเกิดขึ้น เพราะป้าม่วงดันมากับกูด้วยในวันนั้น
ทั้งวงมีประชุมอำลากันที่ชั้นบนสุดของตึก ประมาณชั้น 7 ได้
กูก็อุตส่าห์เพลย์เซฟโดยการให้ป้าม่วงนั่งรออยู่ข้างล่าง และตัวกูกับวงก็ขึ้นไปข้างบน
การประชุมอำลาดำเนินไปอย่างสลดเศร้าสร้อย
การประชุมอำลาดำเนินไปอย่างสลดเศร้าสร้อย
จนถึง ณ จุดไคลแมกซ์
ที่ทุกคนบ่อน้ำตาแตก ไหลกันเป็นทาง ไม่มีใครมองหน้าใคร
มีแต่เพียงเสียงสะอื้นดังระงมทั่วห้อง
ทันใดนั้นเอง ก็มีป้าแก่ๆใส่ชุดสีม่วงแป๊ด ยื่นกล่องทิชชู่ให้กับคนที่นั่งในห้อง
และแล้วกล่องทิชชู่นั้นก็ถูกส่งกระจายไปทั่วห้อง
และต่อให้กล่องทิชชู่จะส่งไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าป้าม่วงจะไป
พี่แกยังคอยนั่งดูผลงานตัวเอง ว่ากล่องทิชชู่ที่ส่งไป
จะช่วยซับน้ำตาให้กับผู้คนได้มากแค่ไหน
และคิดดูสิว่า พวกกูจะเศร้ากันออกมั้ย?
อยู่ดีๆก็มีป้าใส่เสื้อสีม่วงมานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อมาฟังงานประชุม
คอยส่งกระดาษ คอยเฝ้าถามอยู่ด้วย
เฮ้อ กูก็เข้าใจว่าเป็นห่วง แต่ตอนนั้นมันขออารมณ์เป็นส่วนตัวนิ้ดส์นึงได้มั้ยล่ะ
เพื่อนๆแต่ละคนก็ส่งสายตามาที่กูกันเป็นสายตาเดียว
กูก็เลยส่ายหน้าหงึกๆว่ากูไม่รู้จัก “ป้าม่วง”นั่น
และนี่ก็เป็นที่มาของป้าม่วงนั่นเอง
เออ แล้วกูก็ยังงงอีกอย่าง ว่าพี่แกเอาสังขารที่ไหนปีนขึ้นมาถึงชั้น 7
และหยิบกล่องทิชชู่มาด้วยทำไม
หลังจากนั้น ป้าม่วงก็คอยตามหลอกหลอนกูอยู่เรื่อยมา...ไม่ไปไหน
ความจริงแล้ว ตลอดชีวิตกูก็ถูกหลอกหลอนจากป้าม่วงมาตลอด
หลังจากนั้น ป้าม่วงก็คอยตามหลอกหลอนกูอยู่เรื่อยมา...ไม่ไปไหน
ความจริงแล้ว ตลอดชีวิตกูก็ถูกหลอกหลอนจากป้าม่วงมาตลอด
แต่โชคก็ช่วยให้ชีวิตตั้งแต่ช่วงประถมจนถึง ณ ตอนนี้ต้องอาศัยอยู่หอพักตลอด
ก็เลยรอดพ้นเงื้อมมือของป้าม่วงมาได้อย่างง่ายดาย
แต่ว่า พอไอที่ไม่เจอเนี่ยแหละ พอเจอป้าม่วงทีมันเลยเหมือนสะสม
ทบต้นทบดอก อาละวาดหนักกว่าเดิม
อันที่จริงมันก็มีเรื่องเยอะมากจนเล่าไม่หมดหรอก
แต่ขอแค่อ่านคร่าวๆก็จะพอรู้แล้วล่ะว่า ความเป็น “ป้าม่วง” มันเป็นยังไง
เร็วๆนี้ ป้าม่วงเฮี้ยนหนัก ตามมาหลอกจนถึงที่หอเลย
เร็วๆนี้ ป้าม่วงเฮี้ยนหนัก ตามมาหลอกจนถึงที่หอเลย
เริ่มเช้าวันใหม่ปั๊ป ก็เอาเลย ป้าม่วงเป็นมนุษย์ที่ตื่นเช้ามาก
พอตื่นปุ๊ป ด้วยความหวังดีอย่างเช่นเคย ก็มาจัดแจงท่านอนให้กูก่อนเลย
ถ้ากูนอนงอขา เค้าก็จะจับขากูดึงให้ตึง
ถ้าตีนกูอยู่นอกผ้าห่ม ก็จะจับยัดเข้าไปใต้ผ้าห่ม
หรือถ้ากูนอนเบียดอยู่กับพี่ ก็จะลากตัวกูมานอนอีกฝั่งหนึ่ง
หลังจากจัดแจงท่านอนให้กูเรียบร้อย เค้าก็ค่อยไปปฏิบัติภารกิจต่อไป
แล้วกูถามจริงว่ามีใครไม่หงุดหงิดบ้าง มีคนมายุกยิกๆที่ตัวตั้งแต่ยังไม่ตื่นเนี่ย
หลังจากนั้น พี่แกก็จะอันตรธานหายไปจากห้อง ไปไหนกูก็ไม่รู้
แต่พอตื่นมาอีกที เห็นข้าวเช้าจัดแจงใส่จานอย่างดี ถึงได้เข้าใจ
หลังกินข้าวเสร็จก็ต้องดื่มน้ำตาม ปกติกูอยู่คนเดียวดื่มประมาณ 1 แก้วต่อวัน
แต่พอป้าม่วงมา บังคับ ตื่นนอน ก่อน-หลังอาหารเช้า
ก่อน-หลังอาหารเที่ยง ก่อน-หลังอาหารเย็น และก่อนนอน
เท่านั้นไม่พอ ต้องมีการบังคับดื่มน้ำผึ้งมะนาวตอนเช้าด้วย
รถบริษัทกูจะออกอยู่แล้ว ต้องมานั่งซดน้ำมะนาวตอนเช้า เปรี้ยวชิบหาย
พอมาทำงาน ก็จะเป็นช่วงเวลาที่ได้ห่างจากป้าม่วงหน่อย
แต่ก็ไม่วายยังมีโทรมาสั่งเป็นระยะๆให้ดื่มน้ำนะ อืมม์....
ทุกครั้งที่ป้าม่วงมาที่ห้องกู มันจะต้องมีอะไรเปลี่ยนไป
ทุกครั้งที่ป้าม่วงมาที่ห้องกู มันจะต้องมีอะไรเปลี่ยนไป
มาครั้งละ 3-4 วัน ก็เปลี่ยนมันทุกวันนั่นแหละ
ด้วยความที่ป้าม่วงเป็นนักออกแบบเก่า
ด้วยความที่ป้าม่วงเป็นนักออกแบบเก่า
เพราะฉะนั้นแค่ห้องกูสี่เหลี่ยมๆขนาดกว้างกว่าที่แมวดิ้นตายนิดหน่อย
พี่แกก็ยังเปลี่ยนมาแล้ว ทุกวันที่กูกลับห้องมา จะต้องเต็มไปด้วยคำถามว่า
“ม้า ไอ-ไปอยู่ไหนแล้วละ”
“ม้า ไอ-ทิ้งไปแล้วหรอ”
“ม้า ไปเอาไอ-มาจากไหนเนี่ย”
กูต้องตะลึงงันกับการโมดิฟายห้องรายวันของเค้าเสียจริง
แม้กระทั่งขวดน้ำ ป้าม่วงยังต้องเรียงให้ป้ายโลโก้มันตรงกันเลย
โอ้ว...ก๊อดดดดดดดดดด จะเรียงไปเพื่ออออออออออ
มีอีกๆ ป้าแกไปคุ้ยรองเท้าของข้าพเจ้าทุกคู่มาขัด
และแถมเขียนชื่อรองเท้าไว้ที่กล่องทุกใบอีกด้วย
ไล่จนไปถึงเสื้อในของกูเว้ย ปกติเวลากูรีบๆก็หยิบปุ๊ปใส่ปั๊ป
แต่เอ๊ะ ทำไมวันนี้ มันใส่ไม่ได้ทันทีวะ อ๋อออออออ
ก็พี่แกเล่นติดตะขอเสื้อในทุกตัวไว้นั่นเอง
พอกูจะใส่ที ก็ต้องมานั่งปลดออกก่อน แล้วค่อยใส่ได้
และอันนี้เด็ดสุด
“ม้าๆ ไอสบู่รีฟิล 3 ซอง ม้าไปไว้ไหนแล้วอะ”
มาม้า “ อ๋อ ก็กูเห็นมันวางเกกะอยู่ กูเลยเทลงขวดหมดแล้ว”
ไอนั่นมันก็ไม่เท่าไรหรอก แต่ที่กูแปลกใจก็คือ
ไอ 3 ซองนั้นน่ะ มันคนละกลิ่นกันหมดเลย
ทั้งๆที่กูตั้งใจจะลองใช้ทีละกลิ่น แต่ป้าม่วงดันจับผสมให้อยู่ในขวดเดียว
กลิ่นมันเลยปะแล่มๆเหมือนแฟ้บพิกล
กลิ่นมันเลยปะแล่มๆเหมือนแฟ้บพิกล
จนวันนี้กูก็ยังเซ็งไม่หาย
แถมผ้าม่านในห้องน้ำ มันก็อยู่ของมันดีๆ
พี่แกก็ไปตัดมันซะ แต่นี่มันผ้าม่านของหอเค้า เดี๋ยวก็เสียค่าปรับกันพอดี
พอกูออกมาโวยวายว่าทำไมผ้าม่านมันสั้นลง
พี่แกก็ตอบซื่อๆว่า “ม้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เอาไปซักมาก็เลยหดมั้ง......”
โอ้โห กูเพิ่งรู้นะเนี่ย ว่าเดี๋ยวนี้พลาสติกมันหดได้
โอ้โห กูเพิ่งรู้นะเนี่ย ว่าเดี๋ยวนี้พลาสติกมันหดได้
ถึงกูจะโง่วิทย์ แต่กูก็รู้นะว่าพลาสติกมันไม่ใช่ผ้า มันจะไปหดได้ยังง้ายยยยย
พอถามแค่นี้ เอาและ
พอถามแค่นี้ เอาและ
“เออๆ วันหลังกูไม่แตะต้องของห้องมึงอีกแล้วก็ได้ วันหลังก็ไม่ต้องให้ม้ามาเลยสิ บลาๆๆๆ....”
แต่กูก็เห็นพี่แกมาทุกทีที่กูชวน
แต่กูก็เห็นพี่แกมาทุกทีที่กูชวน
นี่ละน้ออออออ ป้าม่วง

สงสัยพี่แกติดนิสัยออกแบบเก่า คิดว่าชีวิตกูเป็นเฟอร์นิเจอร์หรอไง ออกแบบได้ออกแบบดี
ยิ่งกูอยากให้เค้าอยู่เฉยๆสบายๆมากขึ้นเท่าไร

สงสัยพี่แกติดนิสัยออกแบบเก่า คิดว่าชีวิตกูเป็นเฟอร์นิเจอร์หรอไง ออกแบบได้ออกแบบดี
ยิ่งกูอยากให้เค้าอยู่เฉยๆสบายๆมากขึ้นเท่าไร
ก็เหมือนแกจะยิ่งดิ้นรนทำให้ตัวเองเหนื่อยมากขึ้นเท่านั้น
เดี๋ยวกูก็เลยละเหี่ยใจ อยากทำอะไรก็ปล่อยทำไปเลย
เดี๋ยวเหนื่อยก็เลิกเองแหละ
ถ้าบาปกรรมจากการที่แซวแม่ตัวเองมีจริง บทความหน้าอาจจะไม่คลอดก็ได้ 555+
ถ้าบาปกรรมจากการที่แซวแม่ตัวเองมีจริง บทความหน้าอาจจะไม่คลอดก็ได้ 555+
you go to hell sure hahahahahaha
ตอบลบ