วันอังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

Forget This Trip NOT...!! # Last Day

หลังจากผ่านพ้นคืนที่แสนยาวนานมา
ก็เริ่มวันใหม่อีกวัน วันสุดท้ายของทริปนี้
เป็นวันที่ไม่อยากให้มาถึงเลย

ตื่นเช้ามาพร้อมกับความสดชื่น
แสงแดดสาดส่องผ่านช่องเขามากระทบแพ บรรยากาศดีมาก
จนมาสะดุดเห็นบางอย่างนี่แหละที่ทำให้ทัศนียภาพเสียไป
มี “ศพ” นอนขวางแพอยู่ 2 ศพค่า
ศพแรก...ศพน้าไก่ นอนขวางหน้าแพอย่างไม่เกรงใจใคร
พร้อมหมอนสีชมพูนอนหนุนอย่างดี
ขวางแบบขวางจริงๆ คือ ไม่นอนตามแนวแพ
แต่เล่นนอนขวางทางเดินขัดกับแนวไม้ไผ่
และด้วยความสูงโป่งผอมเพรียวของน้าเสียเหลือเกิน ก็เลยขวางทางเดินซะมิด
จนคนที่อยู่แพหลังๆ ต้องเดินอ้อมหลังบ้านถึงจะสามารถฝ่าด่านศพนี้ไปได้

พอฝ่าด่านนี้ไปได้ อย่าคิดนะว่าจะเดินไปที่ต้นแพได้ง่ายๆ
เพราะหลังจากศพนี้ ยังจะต้องเจออีกศพหนึ่งนอนขวางอยู่เช่นกัน
ศพพี่เอก (ไกด์กูอีกแล้ว) ก็พอๆกับศพแรก
นอนเปลือยท่อนบนคุดคู้อยู่ในถุงนอน
พี่เอกยังดีกว่าน้าไก่หน่อยที่ยังมีความเกรงใจกันบ้าง
ไม่ได้นอนขวางหน้าแพ....ก็จริง
แต่แม่งเล่นนอนตรงสะพานเชื่อมแพแต่ละหลังเลยเว้ย

เจอศพน้าไก่ก็ยังพออ้อมไปข้างหลังได้
แต่พอเจอศพนี้นี่ไปต่อไม่ถูกเลย
เพราะมีสะพานเชื่อมที่เดียว
ไม่เดินผ่านสะพานนี้ ก็ต้องว่ายน้ำกันไปละถึงจะไปต้นแพได้
แต่มีใครที่ไหนวะ เพิ่งตื่นมาหมาดๆจะให้กระโดดลงน้ำอีกและ (มี แต่เดี๋ยวค่อยเล่าต่อ)
สุดท้าย เค้าก็เลยต้องค่อยๆหยิบปลายกางเกงพี่เอก
ค่อยๆเลื่อนพอให้มีช่องแคบสอดขาเดินผ่านไปได้
และแล้วเค้าก็เดินผ่านสะพานนั้นมาได้อย่างทุลักทุเล ดีใจด้วย

บรรดาผู้หญิงก็ตื่นมาจัดแจงจัดเก็บข้าวของพร้อมออกเดินทาง
บรรดาผู้ชายก็ยังนอนกันตามมีตามเกิดต่อไป
เริ่มหิวแล้ว...จะหาข้าวเช้ากิน พอคิดว่าจะถามพี่เอกว่ากินช้าวที่ไหน
เฮ้อ...ไกด์กูยังหลับอยู่เลย กูเดินไปหากินเองก็ได้วะ

คุ้ยไปคุ้ยมาก็โชคดี เจอไวไว 2 ถุง เอาไปต้มมาได้ 2 ชาม
กินกันนับ 10 ชีวิต พี่เจกับพี่อ้อก็ช่วยกันหาของกินมาให้สุดฤทธิ์
ครีเอทกันทุกแบบ ไวไวก็แล้ว ขนมปังทาครีมสลัดก็แล้ว เลย์โรยหน้าขนมปังก็แล้ว
พอเอาชีวิตรอดกันในช่วงเช้ามาได้
แต่แล้ว...พี่เอกก็ยังไม่ตื่นอยู่ดี

คนที่มาพักก็ค่อยๆทยอยกลับเข้าฝั่งกันไปทีละหลังๆ
จนเหลือกลุ่มเรา เป็นกลุ่มสุดท้าย(อีกแล้ว)
แพมารับตั้งแต่เช้า จนหันแพกลับไปประมาณ 10 หนได้

ก็พี่เอกเล่นนัดไว้ซะ 7 โมง ออกเดินทาง
10 โมงแล้ว กูยังเห็นเค้าดำผุดดำว่ายอยู่ในน้ำอยู่เลย
คืนนี้พวกกูจะถึงกรุงเทพกันมั้ย

พอทุกคนตื่นกันเกือบครบ รวมทั้งพี่เอกด้วย
ก็ทยอยกัยมากินข้าวเช้า(จริงๆ)ซักที
ใครนั่งกินก็นั่งกินไป ใครถ่ายรูปวิวยามเช้าก็ถ่ายไป
แต่กูกะพี่เก่ง ไฮโซกว่า
พายเรือคะยักพร้อมกินข้าวเช้าไปด้วย
หรือพูดให้ชัดก็คือ พี่เก่งพาย แล้วกูกินไง
เข้าสำนวนไทย “มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ” เด๊ะ

หลังจากที่ทุกคนกินข้าวเช้าไป เสวนากันไป
พี่เอกก็กระโดดลงเล่นน้ำไป สมาชิกคนสุดท้ายที่ตื่นก็เดินมา
“น้าไก่” เดินมาด้วยหน้าตาที่บูดบึ้ง
พร้อมกับตะโกนถามทุกคนด้วยเสียงเกรี้ยวกราดว่า
“ใครเอาหมอนมาให้กูนอนวะ”

งงมั้ย? ว่าทำไมเอาหมอนมาให้แล้วต้องโกรธด้วย
น้าไก่ก็บอกว่า...
“อ้าว ก็ถ้ากูไม่มีหมอน กูก็จะขวนขวายเข้าไปหาที่นอนที่มันสบายกว่านี้ไง”

อ๋อ...พอมีหมอนมันก็เลยไม่ขวนขวายไง
แล้วก็ตื่นมาเห็นสภาพตัวเองนอนอ้าซ่าซะกลางแพ ก็เลยเคืองซะงั้น
โธ่...ก็ใครจะไปลากน้าเข้ามานอนไหว
เค้าก็เลยปล่อยให้นอนอยู่เป็นเพื่อนพี่เอกนั่นแหละ 555

กว่าสมาชิกแต่ละคนจะพร้อม และกว่าไกด์จะเล่นน้ำเสร็จเนี่ย
ก็ปาไป 10 โมงกว่าได้ ถึงจะได้ฤกษ์ออกจากแพกัน
พอออกจากแพไปได้ ก็ต้องเดินทางกลับตามเส้นทางเดิมที่มา
แต่เดินกลับคราวนี้สภาพแต่ละคนแย่กว่าเดิม
บางคนแย่ถึงขนาดที่เดินกลับไม่ไหว ต้องซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ส่งของมา
และคนที่ซ้อนมาเนี่ย อายุอานามก็เด็กกว่าพี่ๆในทริปซะอีก
ต้องบอกว่า “อายผู้ใหญ่มั้ยเนี่ย” (พี่ตู่บอก “ไม่อาย”) 555

พอขึ้นเรือมาได้ จุดหมายต่อไปอยู่ที่ “แพนางไพร”
ที่ที่ถ่ายโฆษณาริต้า ดื่มหนักไปหน่อย
แต่ก็มีหลายคนในทริปนี้เป็นริต้าได้อย่างเต็มภาคภูมิเลย
พี่กางเงี้ย น้าไก่เงี้ย พี่ตู่เงี้ย
เพราะดื่มหนักเหมือนกัน แต่ไม่ได้ดื่มสก็อตนะ 555

หลังจากที่และชมวิว ให้อาหารปลาอยู่ที่แพนางไพรสักพัก
พี่เอกก็พาพวกเรามาชม “กุ้ยหลินเมืองไทย” ต่อ
ความจริงก็ยอมรับว่า ดูไม่ออกว่าเป็นกุ้ยหลินตรงไหนเลย
ตอนจอดเรือให้ชม กูก็นึกว่าเรือดับซะงั้น

หลังจากนั้น ก็นั่งเรือกลับมาขึ้นฝั่งที่ท่าเหมือนเดิม
และพวกเราก็ได้กลับมาเหยียบพื้นดินอีกครั้ง
พอถึงฝั่งแล้ว เราก็ไปต่อกันที่จุดชมวิว “เขื่อนรัชชประภา”ต่อเลย
แต่ก็ไม่มีใครได้ไปชมวิวกันหรอก ส่วนใหญ่ก็นั่งโจ้ส้มตำกันอยู่แถวๆนั้นแหละ

พอจะออกเดินทางต่อ ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
แก้วตาขวัญใจ “น้องแสง”ขวดสุดท้ายของเรา ตกแตกไปต่อหน้าต่อตา
ยังดีที่แค่แสง ถ้าเป็นอย่างอื่นคงไปหาผ้ามาซับบิดเข้าปากกันไปแล้ว
แต่ก็สร้างความสลดให้กับทริปเราไม่น้อย

โปรแกรมหลังจากนั้น หมดแล้วเว้ย ยิงยาวกลับกรุงเทพฯอย่างเดียว
แต่ก็ไม่เชิงยิงยาวนะ เพราะก็มีลงแวะไปซื้อของฝาก กินข้าวที่คุณสาหร่าย
บวกกับรถมีปัญหานิดหน่อย เลยต้องจอดเกือบแทบจะทุกปั๊ม
และต่อให้ไม่จอดปั๊ม ก็ยังมีจอดแวะตามรายทางอีก
เพราะว่าไกด์อันสุดแสนเท่ของเรา “ปวดฉี่” ก็เลย...นะ

เที่ยงคืนกว่าๆแล้ว สุดท้ายก็ทุลักทุเลกลับมาจนถึงที่กรุงเทพฯได้
พอถึงที่หมายต่างคนก็ต่างหยิบข้าวของ เตรียมตัวลากลับบ้าน
ปกติเวลาตอนแยกกันเนี่ย ไกด์จะต้องคอยมายืนส่งลูกทัวร์ใช่มั้ย
แต่บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่า “ไม่มีอะไรธรรมดาสำหรับทริปพี่เอก”
ขนาดตอนกลับยังไม่ธรรมดาเลย
และนี่เป็นทริปแรก ที่ลูกทัวร์ต้องเดินไปลาไกด์
เพราะพี่เอกถึงปุ๊ปพี่แกก็หาร้านนั่งกินต่อปั๊ป
ไม่ได้สนเล้ยว่าลูกทัวร์จะไปจะกลับกันยังไง
จนลูกทัวร์เองที่ทนไม่ได้ ก็เลยต้องเดินไปลาพี่เอกด้วยตัวเองถึงที่
เฮ้อ...กูละกลุ้มใจกับไกด์คนนี้จริงๆ

สำหรับทริป 3 วัน 2 คืนนี้ ทุกคนก็ได้ร่วมเอฮาหรรษากันมาตลอด
ก็นับว่าเป็นอีกทริปหนึ่งที่สนุกมาก
แต่งานเลี้ยงก็มีวันเลิกรา ทุกคนก็ต้องกลับไปดำเนินชีวิตตัวเอง
แต่อย่างน้อย...กูก็ได้ล่องแพตีคู่กับงูมาแล้วละโว้ย 555+

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น